กลยุทธ์ธุรกิจ NET ZERO โมเดลเศรษฐกิจบีซีจี คืออะไร
ประเทศไทย ได้มีการกำหนดนโยบายของการพัฒนาประเทศภายใต้แนวคิดโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี “BCG Economy Model” เพื่อตอบสนองต่อบริบทในการพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืน ซึ่งบูรณาการการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) โดยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ อุตสาหกรรมเป้าหมาย
การขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี
ประเทศไทย มีแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศ ประกอบด้วย 6 ด้าน ได้แก่
1) ด้านนโยบาย
• ขับเคลื่อนนโยบายกลยุทธ์ธุรกิจ NET ZERO BCG Model
• บูรณาการเป้าหมาย Net Zero เข้าสู่นโยบาย แผนระดับประเทศ แผนรายสาขา และแผนระดับจังหวัด
• ขับเคลื่อนแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (The National Adaptation Plan: NAP)
2) ด้านเทคโนโลยี
• เร่งขับเคลื่อนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการดักจับ กักเก็บ และนำคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ประโยชน์ วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี คัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม
3) ด้านการค้าและการลงทุน
• มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกโดย BOI ได้แก่ เพิ่มประเภทกิจการโรงแยกก๊าซธรรมชาติกรณีใช้เทคโนโลยีการดักจับ กักเก็บ และนำคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ประโยชน์ (Carbon Capture Storage and Utilization: CCUS) ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี ปรับปรุงเงื่อนไขประเภทกิจการห้องเย็นหรือกิจการห้องเย็นและการขนส่งห้องเย็นกรณีใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี กิจการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกรณีใช้เทคโนโลยี CCUS ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และเพิ่มขอบข่ายมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ครอบคลุมการเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี ร้อยละ 50 ของเงินลงทุน
• มาตรการทางภาษี เพื่อสงเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ
4) ด้านการพัฒนากลไกตลาดคาร์บอนเครดิต และ การเพิ่มแหล่งกักเก็บและดูดกลับก๊าซเรือนกระจก
• แนวทางและกลไกการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต
• ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนการซื้อขายและถ่ายโอนคาร์บอนเครดิต (อบก.)
• เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (TCNN)
• แพลตฟอร์มการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด (FTIX)
• ผู้พัฒนาโครงการ T-VER ร่วมปลูกและดูแลรักษาป่าในพื้นที่ของรัฐ โดยแบ่งปันเครดิตให้แก่ผู้พัฒนาโครงการร้อยละ 90 และหน่วยงานของรัฐร้อยละ 10 หรือตามแต่ตกลง
5) ด้านกฎหมาย
• จัดตั้ง กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
• ผลักดัน (ร่าง) พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อยกระดับ การกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกจาก Voluntary เป็น Mandatory รวมทั้ง การกำหนดกลไกการเก็บและรายงานข้อมูลระบบจัดการข้อมูล โดยคำนึงถึงสถานการณ์ของประเทศและภาคเอกชน ตลอดจน บทบัญญัติด้านการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตและกลไกการเงิน
6) ด้านการสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วม
• ปรับปรุงหลักสูตรและสร้างการสื่อสารการเรียนรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
• ส่งเสริมภาคเอกชน ใช้แนวคิด ESG ในการทำธุรกิจ ประกอบธุรกิจโดยคำนึงถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอุตสาหกรรม
• สนับสนุนและเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกับเครือข่ายระดับท้องถิ่น
• ส่งเสริมให้ภาคประชาชน ใช้แนวคิด Circular Living ลดการใช้พลังงาน ลดของเสียในครัวเรือน ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ปลูกต้นไม้และเพิ่มพื้นที่สีเขียว
• สื่อสารและประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจการมีส่วนร่วมของประชาชน
โครงการ BCG for GHG REDUCTION ของ อบก.
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ตระหนักถึงความสำคัญของนโยบายของการพัฒนาประเทศภายใต้แนวคิดโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี ทำให้นำไปสู่การพัฒนา “โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมคาร์บอนตํ่าตามแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์โมเดลเศรษฐกิจบีซีจี มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” โดยนำแนวคิดดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง เพื่อบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกตลอดโซ่อุปทาน นำไปสู่การพัฒนาแนวปฏิบัติที่ดีและต้นแบบอุตสาหกรรมที่มีแนวทางเชิงปฏิบัติที่ดีในการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจบีซีจีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์โมเดลเศรษฐกิจบีซีจี
การคัดเลือกองค์กรเข้าร่วมโครงการ
องค์กรเข้าร่วมโครงการ มุ่งเป้าคัดเลือกอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เกษตรอาหาร พลาสติก บรรจุภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง และ พลังงานทดแทน โดยมีปัจจัยพิจารณาในการคัดเลือกองค์กรนำร่อง ดังนี้
• องค์กรที่มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจตามแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจ BCG
• องค์กรที่มีนโยบายการจัดการก๊าซเรือนกระจก มีการประกาศเป้าหมาย Carbon Neutrality, Net Zero
• องค์กรที่มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจตามแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจ BCG รวมทั้ง มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Low Carbon ในการบริหารจัดการโดยตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
• องค์ที่มีความพร้อมในการจัดทำข้อมูลบัญชีรายการก๊าซเรือนกระจกและการทวนสอบรายงานการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้ง รายงานการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกขององค์กรหรือผลิตภัณฑ์
• องค์กรที่มีมีงบประมาณสำหรับการทวนสอบ การจัดซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยคาร์บอน รวมทั้ง มีศักยภาพในการพัฒนาและปฏิบัติตามแผนการจัดการลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อเตรียมความพร้อมในการขอรับรอง NET ZERO ระดับองค์กรหรือผลิตภัณฑ์
รายชื่อองค์กรเข้าร่วมโครงการ
1) บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โรงคัดไข่จักราช
2) บริษัท ไทยพลาสติก รีไซเคิล กรุ๊ป จำกัด
3) บริษัท ไทยเบเวอร์เรจ แคน จำกัด
4) บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)
5) บริษัท แอร์โรเฟลกซ์ จำกัด
6) บริษัท มิตรผลไบโอฟูเอล (ภูเขียว) จำกัด
การให้คำปรึกษาจากเรื่อง กลยุทธ์ธุรกิจ NET ZERO วีกรีน คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ บริษัท วีกรีน เคยู จำกัด
องค์กรเข้าร่วมโครงการ ได้รับคำปรึกษาทางเทคนิค เกี่ยวกับ การจัดทำข้อมูลบัญชีรายการก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะ SCOPE 3 GHG Emissions การรับทวนสอบรายงานการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้ง การกำหนดเป้าหมายการลดปริมาณ GHG สู่ Carbon Neutrality, Net Zero Roadmap ตลอดจน การพัฒนาโครงการ BCG และการประเมิน Potential GHG Reduction นอกจากนี้การให้คำปรึกษายังครอบคลุมถึง การประเมิน CFP ผลิตภัณฑ์ CE เพื่อขอรับการรับรองและขึ้นทะเบียนติดฉลาก CE CFP ของ อบก.
ผลสำเร็จของการดำเนินโครงการ กลยุทธ์ธุรกิจ NET ZERO
กิจกรรมโครงการเริ่มจากการจัดสัมมนาเปิดตัวโครงการ เปิดโอกาสในมีการประกาศเจตนารมณ์มุ่งสู่ NET ZERO โดยผู้บริหารสูงสุดขององค์กรเข้าร่วมโครงการฯ โดยพบว่า บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ฟาร์มคอมเพล็กซ์ไก่ไข่จักราช นครราชสีมา ประกาศเป้าหมายมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2028 และ Net Zero ภายในปี 2040 บริษัท ไทยพลาสติก รีไซเคิล กรุ๊ป จำกัด ประกาศเป้าหมายมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2045 และ Net Zero ภายในปี 2060 บริษัท แอร์โรเฟลกซ์ จํากัด ประกาศเป้าหมายมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2030 และ Net Zero ภายในปี 2042 บริษัท ทีพีไอ โพลีน จํากัด (มหาชน) ประกาศเป้าหมายมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2030 และ Net Zero ภายในปี 2043 บริษัท มิตรผล ไบโอฟลูเอล จำกัด โรงงานภูเขียว เป้าหมายมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2030 และ Net Zero ภายในปี 2050 และบริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด Carbon Neutrality ภายในปี 2030 เป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 ซึ่งเป็นการประกาศเป้าหมายที่เร็วกว่าประเทศไทยทั้งสิ้น ต่อมา ทางโครงการฯ ได้มีการจัดอบรมเพื่อสร้างความรู้และเข้าใจเรื่อง CFO, CARBON NEUTRALITY, NET ZERO, BCG for GHG Reduction และ การขอรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์หมุนเวียน ให้กับบุคลากรขององค์กรเข้าร่วมโครงการฯ และได้รวบรวมข้อมูลโครงการแนวทางการประยุกต์ใช้ BCG Economy Model พัฒนา BCG projects อาทิเช่น การใช้วัสดุหมุนเวียน การใช้พลังงานหมุนเวียน การปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้วัตถุดิบ เป็นต้น และคำนวณ Potential GHG REDUCTION
ผลการศึกษา พบว่า มี 5 อุตสาหกรรมต้นแบบที่มี BEST PRACTICES ในการประยุกต์ใช้ BCG Economy Model สู่ NET ZERO นำไปสู่แนวทางเชิงปฏิบัติที่ดีในการประยุกต์ใช้ BCG Economy Model เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ CARBON NEUTRALITY & NET ZERO EMISSIONS ประกอบด้วยอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร สามารถลดของเสียที่ถูกส่งไปฝังกลับให้เป็นศูนย์ นำของเสียและน้ำเสียสร้างมูลค่าโดยนำไปผลิตเป็นก๊าซชีวภาพ และส่งของเสียเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นให้กับ Value chain อุตสาหกรรมพลาสติก ใช้วัตถุดิบที่มาจากของเสียได้ 100% อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตสร้างมูลค่าเพิ่มโดยใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นให้กับ Value chain อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ใช้พลังงานทดแทนที่มาจากขยะชุมชน และอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน นำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจากธุรกิจหนึ่งไปต่อยอดสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจต่อเนื่องอื่น ๆ รายละเอียดดังนี้
อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร
อุตสาหกรรมพลาสติก
อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์
อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง
อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน
ผลิตภัณฑ์ขึ้นทะเบียนติดฉลาก CE-CFP
“ในภาพรวม มีอย่างน้อย 5 รูปแบบอุตสาหกรรม ที่มีแนวทางเชิงปฏิบัติที่ดีในการดำเนินธุรกิจภายใต้โมเดลเศรษฐกิจบีซีจีเพื่อช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม มีการริเริ่มและพัฒนา 30 BCG Projects โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่าสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 100,000 tCO2e นอกจากนี้ มี 12 ผลิตภัณฑ์ ผ่านการทวนสอบและขึ้นทะเบียนติดฉลาก CE-CFP เพื่อทำการตลาดผลิตภัณฑ์หมุนเวียน ถือเป็นความสำเร็จในการดำเนินโครงการนี้ และ อบก. ควรจัดทำโครงการลักษณะนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และแนวทางเชิงปฏิบัติ BCG, LOW-CARBON TECHNOLOGY & INNOVATION ไปยังอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อขยายผลในวงกว้าง” (กล่าวโดย รศ. ดร.รัตนาวรรณ มั่งคั่ง กรรมการผู้จัดการบริษัท วีกรีน เคยู จำกัด ในฐานะหัวหน้าโครงการ)
สามารถสอบถามข้อมูลบริการเพิ่มเติมได้ที่ VGREEN KU
ที่มาข้อมูล: เรียบเรียงโดย รศ. ดร.รัตนาวรรณ มั่งคั่ง (ผู้อำนวยการ วีกรีน คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท วีกรีน เคยู จำกัด)