ความเป็นกลางทางคาร์บอน คืออะไร ทำความเข้าใจกับ ROADMAP TO CARBON NEUTRALITY
ความเป็นกลางทางคาร์บอน (CARBON NEUTRALITY) คือ การที่ปริมาณการปล่อยคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดซับกลับคืนมาผ่านป่าหรือวิธีการอื่นๆ สามารถทำได้โดยการ “ลด” และ “ชดเชย” (lower & offset) ซึ่งมาตรการ “ลด” การปล่อยคาร์บอนหรือก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ การลดหรือละกิจกรรมบางอย่างที่ไม่จำเป็น การใช้เทคโนโลยีการผลิตและการจัดการของเสียที่สะอาดขึ้น หรือการใช้พลังงานสะอาดเช่นพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ พลังงานลม เป็นต้น หรือการ “ชดเชย” (CARBON OFFSETTING) เช่น การการซื้อคาร์บอนเครดิต เป็นต้น
การสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของ อบก.
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความรู้และเข้าใจเรื่องการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ให้กับทุกภาคธุรกิจในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อสนองตอบต่อยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) นอกจากนี้ต้องการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมชดเชยคาร์บอน เพื่อเป็นแนวทางที่องค์กรจัดซื้อคาร์บอนเครดิตมาชดเชยปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กรเพิ่มเติมจากโครงการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สามารถดำเนินการได้เอง
การคัดเลือกองค์กรเข้าร่วมโครงการ
ปัจจัยพิจารณาในการคัดเลือกองค์กรเข้าร่วมโครงการ ได้แก่
• องค์กรที่มีนโยบายการจัดการก๊าซเรือนกระจกอย่างชัดเจน มีการกำหนดเป้าหมาย Carbon Neutrality, Net Zero Emissions รวมทั้ง มีความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมชดเชยคาร์บอน หรือ ขอรับการรับรอง Net Zero
• องค์ที่มีความพร้อมในการจัดทำข้อมูลบัญชีรายการก๊าซเรือนกระจกและรับการทวนสอบโดยยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขอรับการทวนสอบและขึ้นทะเบียน
• องค์กรที่มีศักยภาพในการพัฒนาและปฏิบัติตามแผนการจัดการลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมการชดเชยคาร์บอนเพิ่มเติมด้วยการจัดซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจก (T-VER)
รายชื่อองค์กรเข้าร่วมโครงการ
1) กลุ่มอำพลฟูดส์
2) บริษัท สยามซานิทารีแวร์อินดัสทรี จำกัด
3) บริษัท ไทยพรีเมียมไพพ์ จำกัด
4) บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด
5) บริษัท เอ็ม ดี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน)
การให้คำปรึกษาจาก วีกรีน คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ บริษัท วีกรีน เคยู จำกัด
องค์กรเข้าร่วมโครงการ ได้รับคำปรึกษาทางเทคนิค เกี่ยวกับ การจัดทำข้อมูลบัญชีรายการก๊าซเรือนกระจก ครอบคลุม SCOPE 1, 2, 3 การรับทวนสอบรายงานการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้ง การกำหนดเป้าหมายการลดปริมาณ GHG สู่ Carbon Neutrality, Net Zero Roadmap ตลอดจน การพัฒนาโครงการและการประเมิน Potential GHG Reduction
ผลสำเร็จของการดำเนินโครงการ
กิจกรรมโครงการเริ่มจากการจัดสัมมนาเปิดตัวโครงการ เปิดโอกาสในมีการประกาศเจตนารมณ์มุ่งสู่ CARBON NEUTRALITY โดยผู้บริหารสูงสุดขององค์กรเข้าร่วมโครงการฯ โดยพบว่า
1) บริษัท สยามซานิทารีแวร์อินดัสทรี จำกัด : มีเป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2030 และ มุ่งสู่ Net Zero Carbon ในปี 2050 โดยผนวกเรื่องนี้อยู่ใน Culture ของบริษัทภายใต้ SCG ESG4Plus ที่จะมี 4 ประเด็นสำคัญที่ Focus คือ 1) Net Zero 2) Go Green 3) Lean เหลื่อมล้ำ และ 4) ย้ำร่วมมือ นอกจากนี้ ที่ผ่านมามีมาตรการใช้ Robot technology, LCA for product design and process improvement, CIRCULAR MARK
2) บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด: มีเป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2050 โดยมีแนวทางการดำเนินงาน ดังต่อไปนี้ (1) การเลือกใช้เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมที่ช่วยประหยัดพลังงา (2) การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิเช่น ระบบควบคุมอาคาร BMS และ RMS (3) การสร้างความตระเรื่องสภาวะโลกร้อนให้พนักงานในองค์กร และกลุ่มผู้เช่า ให้เล็งเห็นความสำคัญ รวมถึงมีเป้าหมายในเรื่องการใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ 100% ภายในปี 2030
3) บริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด: มีเป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2050 โดยปัจจุบันมีแผนดำเนินการดังต่อไปนี้ 1) การจัดการให้ขยะเป็นศูนย์ 2) การลดการใช้ทรัพยากร 3) การใช้พลังงานทดแทน
4) บริษัท ไทยพรีเมียมไพพ์ จำกัด: มีเป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2050 โดยมีแผนการดำเนินดังต่อไปนี้ 1) กำลังดำเนินการเรื่อง ISO 14068 2) การใช้พลังงานทดแทน จาก Solar cell 3) การใช้รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าและมีนโยบายปรับเปลี่ยนรถยนต์ส่วนกลางเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และ 4) การศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมที่เกี่ยวกับการผลิตวัตถุดิบหลัก (เหล็ก)
5) บริษัท เอ็ม ดี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) : นิคมอุตสาหกรรม GATEWAY มีนโยบายมุ่งสู่ ECO WORLD CLASS โดยกำหนดแผนการดำเนินดังต่อไปนี้ 1) การจัดทำ CFO, Baseline emissions 2) มีมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกจากการติดตั้ง Solar Floating การเข้าไปติดตั้ง Solar cell ให้ชุมชนใกล้เคียง และการสอนเกี่ยวกับการจัดการขยะเพื่อให้ความตระหนักถึงปัญหาโลกร้อน
นอกจากนี้ ทางโครงการฯ ได้มีการจัดอบรมเพื่อสร้างความรู้และเข้าใจเรื่อง CFO, CARBON NEUTRALITY, การขอรับการรับรอง NET ZERO PATHWAY ให้กับบุคลากรขององค์กรเข้าร่วมโครงการฯ
“ในภาพรวมของทั้งโครงการ พบว่า กิจกรรมชดเชยคาร์บอนภาคสมัครใจ องค์กรที่เข้าร่วมโครงการ ทั้ง 13 แห่ง มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 77,840 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และได้ดำเนินการชดเชยคาร์บอนรวมทั้งสิ้น 12,657 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นร้อยละ 16 โดยเป็นการชดเชยปริมาณการปล่อยทั้งหมด (Carbon Neutral) จำนวน 11 งานประชุม/สัมมนา และอีเว้นท์ และการชดเชยปริมาณการปล่อยบางส่วน (Carbon Offset) จำนวน 4 องค์กร และ มุ่งสู่ Net Zero Pathway จำนวน 1 องค์กร” (กล่าวโดย รศ. ดร.รัตนาวรรณ มั่งคั่ง กรรมการผู้จัดการบริษัท วีกรีน เคยู จำกัด ในฐานะหัวหน้าโครงการ)
จากการดำเนินงานโครงการ ทำให้นำไปสู่ข้อเสนอแนะ ได้แก่
• จัดอบรมเกี่ยวกับข้อกำหนดในการพัฒนา CARBON NEUTRALITY, NET ZERO ROADMAP ให้กับ บริษัทขนาดใหญ่และกลาง เพื่อเตรียมความพร้อมขอรับการรับรอง NET ZERO PATHWAY
• จัดอบรมแนวทางการทวนสอบ NET ZERO PATHWAY ให้กับ VVBs
• จัดอบรมเกี่ยวกับ CFO & Supply chain management ให้กับ SMEs ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ให้กับ บริษัทขนาดใหญ่และกลาง ที่มีการกำหนดเป้าหมาย CARBON NEUTRALITY, NET ZERO
สามารถสอบถามข้อมูลบริการเพิ่มเติมได้ที่ VGREEN KU
ที่มาข้อมูล: เรียบเรียงโดย รศ. ดร.รัตนาวรรณ มั่งคั่ง (ผู้อำนวยการ วีกรีน คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท วีกรีน เคยู จำกัด)