CARBON NEUTRALITY & NET ZERO โลกกำลังเดือด … ภาคธุรกิจควรปรับตัวอย่างไร !?

CARBON NEUTRALITY & NET ZERO “การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” และ “ความเป็นกลางของคาร์บอน”

โลกร้อน GLOBAL WARMING โลกรวน CLIMATE CHANGE สู่ภาวะโลกเดือด BOILING GLOBE

ปี ค.ศ. 2023 ที่ผ่านมา พบว่า เป็นปีที่พื้นผิวโลกมีอุณหภูมิร้อนสุดในรอบ 125,000 ปี โดยมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1.7 องศาเซลเซียสเป็นที่เรียบร้อยแล้วในเดือนกรกฏาคม 2023 ทำให้เกิดกระแสการประกาศเป้าหมายเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยมีอย่างน้อย 91 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ที่มีการประกาศเป้าหมายดังกล่าวต่อสาธารณะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ที่มาของข้อมูล: การนำเสนอของบริษัทครีเอจี้ (การประชาพิจารณ์ ร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วันที่ 26 มี.ค. 2567)

ที่มาของข้อมูล: การนำเสนอของบริษัทครีเอจี้ (การประชาพิจารณ์ ร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วันที่ 26 มี.ค. 2567)

ความเป็นกลางทางคาร์บอน CARBON NEUTRALITY

การปักหมุดเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน เป็นเป้าหมายระยะสั้น และ ระยะกลาง กล่าวคือ เป็นการแสดงเจตนารมณ์และประกาศเป้าหมาย เพื่อเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นตั้งใจต่อสาธารณะ ที่จะกำหนดปีฐาน ประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกรณีฐาน กำหนดเป้าหมายลดรายปี ในระยะสั้น (3-5 ปี ข้างหน้า) และ ระยะกลาง (ภายในปี ค.ศ. 2030 หรือ ปีอื่น ๆ ตามที่ได้กำหนดในนโยบาย) และหามาตรการลด โดยผู้บริหารพร้อมให้การสนับสนุนทั้งองค์ความรู้ ทรัพยากรและงบประมาณที่จำเป็น

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ NET ZERO GHG EMISSIONS

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เป็นเป้าหมายระยะยาว (ภายในปี ค.ศ. 2050 หรือ 2065 หรือ ปีอื่น ๆ ตามที่ได้กำหนดในนโยบาย) กล่าวคือ มีการดำเนินมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง จนทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยตัวเองได้ถึง 90% ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด (พิจารณาผลรวมของ SCOPE 1, Scope 2 และ SCOPE 3 โดยเฉพาะ กิจกรรมที่มีนัยสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก) และส่วนที่เหลืออีก 10% สามารถลดด้วยการจัดซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการคาร์บอนเครดิตประเภทดูดกลับ เช่น การปลูกป่า

ที่มาของข้อมูล: การนำเสนอของบริษัทครีเอจี้ (การประชาพิจารณ์ ร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วันที่ 26 มี.ค. 2567)

ที่มาของข้อมูล: การนำเสนอของบริษัทครีเอจี้ (การประชาพิจารณ์ ร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วันที่ 26 มี.ค. 2567)

มุ่งสู่เป้าหมาย NET ZERO เป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร

ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีรายได้หลักจากการส่งออก และ พบว่าประเทศคู่ค้าธุรกิจของไทยต่างประกาศเป้าหมายเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ จึงทำให้ประเทศไทยต้องประกาศเป้าหมายเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เพื่อไม่ให้สูญเสียความสัมพันธ์ทางการค้า

ในการมุ่งสู่เป้าหมาย NET ZERO ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่องไปอีก 20-30 ปี ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน พบว่า มีผู้ประกอบการ 25% เท่านั้น ที่เริ่มปรับตัวเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินการของบริษัท​ มากกว่าครึ่งหรือ 55%​ ที่ยังไม่ได้ดำเนินการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร นอกจากนี้ พบว่า แนวทางการลดการปล่อย GHG มากที่สุด ได้แก่

1. ​การปรับเปลี่ยนมาสู่การใช้เชื้อเพลิงและพลังงานหมุนเวียน

2. การปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

3. การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยผลของการดำเนินการดังกล่าวมีผลในการเพิ่มต้นทุนในกรอบไม่เกิน 10% จากกรณีปกติ และอีกราว 18%-27% มองว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้นในกรอบ 10-30% ขึ้นอยู่กับวิธีการดำเนินการ ​ซึ่งหากมีนโยบายสนับสนุนที่จูงใจมากพอ ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลด GHG ของผู้ประกอบการได้ดีมากยิ่งขึ้น (อ้างอิงข้อมูลจากเพจ SD Thailand (2023))

เดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ อย่างไร MOVING TOWARDS CARBON NEUTRALITY & NET ZERO

ที่มาข้อมูล: อบก.

ที่มาข้อมูล: อบก.

ขั้นตอนเชิงปฏิบัติในการเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

  • แสดงเจตนารมณ์และประกาศเป้าหมาย เพื่อเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นตั้งใจต่อสาธารณะ
  • กำหนดปีฐาน และ ประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกรณีฐาน
  • กำหนดเป้าหมายลดรายปี ในระยะสั้น (3-5 ปี ข้างหน้า) และ ระยะกลาง (ภายในปี ค.ศ. 2030 หรือ ปีอื่น ๆ ตามที่ได้กำหนดในนโยบาย)
  • ระดมสมองจากบุคลากรขององค์กร และ ผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกองค์กร เพื่อค้นหามาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดลงได้จากมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • วางแผนการดำเนินงานระยะสั้น-กลาง เพื่อให้สอดคล้องตามค่าเป้าหมายที่กำหนด
  • ทวนสอบรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายปี และ ขอรับการรับรองปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลง อันเป็นผลมาจากมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ การจัดซื้อคาร์บอนเครดิตมาชดเชยเพิ่มเติมจากส่วนที่สามารถลดได้ด้วยตัวเองในส่วนที่หลีกเลี่ยงหรือส่วนที่สามารถดำเนินการวิจัยและพัฒนา มีศักยภาพลงทุนทางเทคโนโลยีและเครื่องจักรได้
  • แสดงข้อมูลรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายปี มาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลง เทียบกับ ค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ต่อสาธารณะ เพื่อแสดงความโปร่งใสในการเคลมปริมาณการปล่อยก๊าวเรือนกระจกที่ลดลง
  • ขอรับการรับรอง “มุ่งสู่ NET ZERO PATHWAY” ในระยะแรก และ “NET ZERO PATHWAY” ในระยะถัดไป

ภาคธุรกิจควรปรับตัวอย่างไรเกี่ยวกับ CARBON NEUTRALITY & NET ZERO !!!

ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 2008 จะว่าไปก็ตั้ง 15 ปีที่แล้ว ตอนนั้น รศ. ดร.รัตนาวรรณ มั่งคั่ง ได้ริเริ่มงานวิจัยรับทุนสนับสนุนจากอียู เรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ อ้างอิงมาตรฐาน PAS 2050 ของ สหราชอาณาจักร กับ 3 บริษัทแรก คือ CFP Thailand, Cargill Meat, Thai Union Manufacturing คู่ขนานไปกับ งานวิจัยรับทุนสนับสนุนจาก สวก. (ปัจจุบัน เปลี่ยนเป็น สกสว.) กับ 2 บริษัทแรก คือ PR President Rice, Chia Meng Rice Mill ต้องการเรียนรู้วิธีการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากต้องเตรียมพร้อมแสดงข้อมูลและติดฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ต่อมา องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเทคนิค ระดับชาติ ว่าด้วยเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ เพื่อพัฒนาข้อกำหนด นำร่องกับผลิตภัณฑ์มากกว่า 30 ชนิด สู่การยกระดับเป็น “แนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์: CFP – CARBON FOOTPRINT OF PRODUCT) ครั้งแรกในปี 2552

ที่มาข้อมูล: อบก.

ที่มาข้อมูล: อบก.

ระบบฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของประเทศไทย ถือว่ามีความทันสมัยและก้าวหน้าอย่างมาก มีฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์หลากหลายประเภท ได้แก่ 1) คาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ทั่วไป 2) ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 3) คาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์เศรษฐกิจหมุนเวียน 4) คาร์บอนนิวทรัล และ 5) การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ โดยในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ติดฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์รวมทั้งหมด 9,289 ผลิตภัณฑ์ (อ้างอิงข้อมูลล่าสุด เดือนมีนาคม 2567 (ที่มาของข้อมูล : เว็บไซด์องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) https://www.tgo.or.th/)

จากนั้น ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับองค์กร เรียกว่า คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร สู่การยกระดับเป็น “แนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร: CFO – CARBON FOOTPRINT OF ORGANIZATION) ครั้งแรกในปี 2554  โดยในปัจจุบันมีองค์กรจัดทำและทวนสอบค่า CFO รวมทั้งหมด 1,700 องค์กร (อ้างอิงข้อมูลล่าสุด เดือนมีนาคม 2567 (ที่มาของข้อมูล : เว็บไซด์องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) https://www.tgo.or.th/)

ที่มาข้อมูล: อบก.

ที่มาข้อมูล: อบก.

อบก. ได้ให้การสนับสนุนทุนนำร่องกับภาคอุตสาหกรรมการผลิต ดำเนินการโดย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ที่ปรึกษาจากหน่วยงานภาครัฐและมหาวิทยาลัย มีการดำเนินงานเป็นเวลา 8 ปี (ระหว่างปี 2558 ถึง 2565) และ อบก. ยังได้ให้การสนับสนุนทุนนำร่องกับภาคบริการ ดำเนินการโดย วีกรีน คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งมีการดำเนินงานตั้งแต่ ปี 2559 มาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี จนถึงปัจจุบัน  นอกจากนี้ อบก. ยังได้มี Capacity Building Program อาทิเช่น เรื่องแพลตฟอร์มการรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การกำหนดเป้าหมายแบบ Science-Based Target การประยุกต์ใช้ BCG ในการช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การกำหนดเป้าหมายระยะสั้น-กลาง-ยาว และมาตรการลดสู่เป้า CARBON NEUTRALITY & NET ZERO เป็นต้น

ณ ปัจจุบัน พบว่า ประเทศไทย ตระหนักเห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมช่วยบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้ง ได้รับแรงกดดันจากประเทศคู่ค้าธุรกิจ จึงต้องทำการประกาศเป้าหมาย CARBON NEUTRALITY ภายในปี ค.ศ. 2050 & NET ZERO ภายในปี ค.ศ. 2065 โดยพบว่า ในภาพรวมระดับโลก มีอย่างน้อย 91 ประเทศที่ประกาศเป้าหมาย CARBON NEUTRALITY & NET ZERO ครอบคลุม 78.7% ของปริมาณการปบ่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในระดับโลก จะเห็นได้ว่า ทั่วโลกมีความตื่นตัวและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

ภาครัฐ มีการจัดตั้ง “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” (เปลี่ยนจาก กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม) เพื่อทำหน้าที่ต่อไปนี้

  • จัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการเกี่ยวกับการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ และลดก๊าซเรือนกระจก
  • ประเมินความเสี่ยง และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดำเนินการ
  • เสนอแนวทางตามพันธกรณีของอนุสัญญา พิธีสาร และความตกลงระหว่างประเทศ และระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ประสานความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงองค์กรในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ
  • วิจัย พัฒนา ถ่ายทอด และส่งเสริมเทคโนโลยีการจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

บริษัทชั้นนำของไทย ต่างขานรับ เพราะเห็นว่าเป็นความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ทำให้มีบริษัทเข้าร่วมเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลจำนวน 599 องค์กร โดยมีประกาศเป้าหมาย  CARBON NEUTRALITY & NET ZERO แล้วบางส่วน (ประมาณ 112 องค์กร) อ้างอิงข้อมูลล่าสุด เดือนมีนาคม 2567 (ที่มาของข้อมูล : เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย, องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) https://www.tgo.or.th/)

บางบริษัทอาจเห็นว่าเรื่องก๊าซเรือนกระจกเป็นวิกฤต บางบริษัททำได้ ก็จะเห็นว่าเป็นโอกาสในการทำการตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ข้อสำคัญ คือ โลกทั้งโลก จะเดินต่อไม่ได้ ถ้าไม่ TAKE ACTIONS อะไรเลย

โลกกำลังอยู่ในภาวะวิฤต โลกกำลังเดือด โลกกำลังล่มสลาย และ เป็นเรื่องที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกัน หลายประเทศ ต่างได้รับผลกระทบจากสภาวะ EXTREME WEATHERS เวลาของโลกเราเหลือน้อยเต็มทีแล้ว … TAKE ACTIONS NOW !!!

 

สามารถสอบถามข้อมูลบริการเพิ่มเติมได้ที่ VGREEN KU

ที่มาข้อมูล : เรียบเรียงโดย รศ. ดร.รัตนาวรรณ มั่งคั่ง (ผู้อำนวยการ วีกรีน คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท วีกรีน เคยู จำกัด)